วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ดาวโจนส์ปิดวันศุกร์ปรับขึ้น ตลาดคาดเฟดผ่อนคลายนโยบายต่อ

ดาวโจนส์ปิดวันศุกร์ปรับขึ้น ตลาดคาดเฟดผ่อนคลายนโยบายต่อ

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2556

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์อันเป็นผลจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป
ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 3.22 จุดหรือ 0.02% สู่ระดับ 15,558.83, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 1.40 จุดหรือ 0.08% สู่ระดับ 1,691.65 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 7.98 จุดหรือ 0.22% สู่ระดับ 3,613.16 โดยหุ้น 5 ใน 10 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นกลุ่มดูแลสุขภาพนำตลาดปรับตัวขึ้น ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.03%, ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.1% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.7%
ด้านนักลงทุนจะรอดูคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดออกแถลงการณ์ในวันพุธหน้้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาที่เฟดจะปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ นอกเหนือจากการประชุมเฟดในวันอังคารและวันพุธหน้านั้น ตลาดจะรอการเปิดเผยข้อมูลจีดีพีไตรมาสสอง และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์หน้า

ดอลล์ร่วงต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์รับแนวโน้มเฟดตรึงดบ.

ดอลล์ร่วงต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์รับแนวโน้มเฟดตรึงดบ.

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2556



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ในวันศุกร์ โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยืนยันในการประชุมนโยบายในสัปดาห์หน้าว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
ทั้งนี้ดอลลาร์อยู่ที่ 98.180 เยน เทียบกับระดับปิดวันพฤหัสบดีที่ 99.280 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.3280 ดอลลาร์และ 130.42 เยน เทียบกับระดับปิดวันพฤหัสบดีที่ 1.3276 ดอลลาร์และ 131.79 เยน
ดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.4% สู่ระดับ 81.625 หลังแตะ 81.548 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. ดอลลาร์ร่วงลง 1.1% สู่ 98.19 เยนหลังร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 97.94 เยนด้านยูโรทรงตัวที่ 1.3281 ดอลลาร์หลังปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ที่ 1.3296 ดอลลาร์ ในรอบสัปดาห์นี้ ยูโรปรับตัวขึ้นราว 1.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์โดยบวกขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 2.4% เมื่อเทียบกับเยนซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์อาจยังคงอ่อนแอในระยะสั้น และการปรับตัวลงอาจ เป็นไปอย่างจำกัดก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์ หน้า อาทิ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดัชนี ISM ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ
เฟดจะประชุมนโยบายในวันอังคารและพุธหน้า ขณะที่รายงานในหนังสือพิมพ์วอลล์สต รีท เจอร์นัลบ่งชี้ว่า เฟดอาจอภิปรายถึงการเปลี่ยนแปลงการชี้นำล่วงหน้าต่อ อัตราดอกเบี้ย เพื่อตอกย้ำว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ขณะที่ผลสำรวจบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. สู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่ชาวอเมริกันเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แม้คาดว่าจะเห็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอลงก็ตาม

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ADVANC ลุ้นกำไรปีนี้เฉียด 4 หมื่นลบ. เทคนิคยังติดแนวต้านสำคัญ รอซื้อเมื่ออ่อนตัว

ADVANC ลุ้นกำไรปีนี้เฉียด 4 หมื่นลบ. เทคนิคยังติดแนวต้านสำคัญ รอซื้อเมื่ออ่อนตัว

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2556

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หริอ ADVANC ปิดตลาดรอบเช้าบวก 4 บาท หรือ 1.4% มาที่ 290 บาท สูงสุดที่ 291 บาท ต่ำสุดที่ 284 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.32 พันล้านบาท ด้านข้อมูลจาก www.settrade.com โบรกเกอร์ 6 แห่ง แนะนำซื้อ, 1 แห่งแนะนำถือ และ 2 แห่ง แนะนำขาย โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 298 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.16%
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ก.ค.) แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" สำหรับ ADVANC ให้ราคาเป้าหมายที่ 300 บาท คาดกำไรสุทธิในปีนี้ของ ADVANC อยู่ที่ 3.98 หมื่นล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน และคาดเงินปันผลจ่ายจากกำไรงวดครึ่งปีแรกของปี 56 ที่ 6.5 บาท คิดเป็น Div Yield 2.3%
ขณะที่มีมุมมองเชิงบวกต่อจำนวนลูกค้าบนโครงข่าย 3G ใหม่ของ ADVANC ที่ปัจจุบันมีสูงถึง 5 ล้านเลขหมาย คิดเป็นการโอนย้ายที่ค่อนข้างรวดเร็ว เป็นปัจจัยบวกต่อต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลงจากเดิมที่ 25% บนระบบสัมปทาน เหลือ 5.25% บนระบบ license นอกจากนี้การเปิดตัวสมาร์ทโฟนราคาต่ำ พ่วงโปรโมชั่นค่าโทรที่ค่อนข้างถูก แม้จะกดดันให้ Margin จากการขายลดลง แต่จะส่งผลดีในระยะยาว เนื่องจากจะเพิ่มการให้บริการ 3G แก่ฐานลูกค้าระดับล่างมากขึ้น ช่วยนุนรายได้ส่วน Non-Voice และเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ามีอุปกรณ์รองรับ 3G มากขึ้น ช่วยให้บริษัทได้รับต้นทุนค่าส่วนแบ่งลดลงเร็วขึ้น
ด้านเทคนิคบล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ก.ค.) ว่า ADVANC ไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ 300-310 บาท ขณะที่ราคาหุ้นยังปิดต่ำ โดยมีสัญญาณเตือนหรือแนวโน้มการอ่อนตัวลงจากเครื่องมือ MACD เริ่มตัดลง แนะนำ ขาย
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ก.ค.) ว่า ADVANC มีแนวโน้มดี แนะนำรอขาย 294 บาท หากไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดให้ ต่ำกว่า 282 บาทให้ขายออกไปก่อน

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

SSI KTC BLA KBANK สัญญาณเทคนิคไปต่อ

SSI KTC BLA KBANK สัญญาณเทคนิคไปต่อ

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2553 เวลา 09:10:26 น. 
ผู้เข้าชม : 961 คน 

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนี้
SSI ปิด 1.63 บาท
ราคาปิดเหนือแนวต้านที่ 1.62 บาทได้พร้อมวอลุ่มหนุน Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ
แนะนำ "ซื้อ” แนวต้านที่ 1.70-1.79 บาท แนวรับที่ 1.60-1.58 บาท cut loss หากปิดต่ำกว่า 1.56 บาท
KTC ปิด 11.80 บาท
แท่งเทียนปิดมีสีขาวเต็มแท่งพร้อมวอลุ่มหนุน ราคาปิดเหนือเส้นDowntrend Line ได้ และ Indicators ทุกตัวให้ค่าสัญญาณบวกแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ
แนะนำ "ซื้อ” แนวต้านที่ 12.70-13.70 บาท แนวรับที่ 11.50-11.30 บาท cut loss หากปิดต่ำกว่า 11.00 บาท
BLA ปิด 28.75 บาท
ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้น และ เครื่องมือทุกตัวในกราฟรายวันให้ค่าสัญญาณบวก แนวโน้มเป็นขาขึ้นชัดเจน
แนะนำ "ซื้อ” แนวต้านที่ 30.00-31.50 บาท แนวรับที่ 28.25-27.75 บาท cut loss หากปิดต่ำกว่า 27.25 บาท
KBANK ปิด 93.25 บาท
ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นพร้อมวอลุ่มหนุน Indicators ทุกตัวให้ค่า สัญญาณบวกเป็นวันแรก แนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ
แนะนำ "ซื้อ” แนวต้านที่ 95.25-97.00 บาท แนวรับที่ 92.75-92.00 บาท cut loss หากปิดต่ำกว่า 91.50 บาท

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หุ้นแบงก์รับ 2 เด้ง ธปท.ขึ้นดอกเบี้ย-งบไตรมาส2

หุ้นแบงก์รับ 2 เด้ง ธปท.ขึ้นดอกเบี้ย-งบไตรมาส2

วันศุกร์ที่ 09 กรกฎาคม 2553 เวลา 12:47:16 น. 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชยฺ์จะรับ 2 เด้งจากผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและการประกาศผลประกอบการที่จะทยอยประกาศในช่วงปลายเดือนนี้ โดยหุ้นเด่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้แก่ ฺBBL TISCO และ KTB
บลูมเบิร์กรายงานว่าจากการสำรวจการคาดการณ์ในนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 12 ท่าน พบว่า 7 ท่าน คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% มาอยู่ที่
ระดับ 1.5% ในวันที่ 14 ก.ค.นี้
บล.กิมเอ็งระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
มุมมอง "เป็นบวก"...หุ้นเด่นคือ BBL และ TISCO
เรายังคงมีมุมมอง "เป็นบวก" ต่อกลุ่มธนาคาร จากแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อ และ NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมจัดการได้ โดยหุ้นธนาคารที่เป็น Top pick ของเราคือ BBL จากสัญญาณการขยายตัวของสินเชื่อที่สูงตามการฟื้นตัวของภาคการลงทุน และราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนโดยมีราคาซื้อขายเพียง 1.2 เท่าของมูลค่าทางบัญชี และ TISCO จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สินเชื่อที่ขยายตัวสูงต่อเนื่อง และ ROE ที่ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับสูงกว่า 20% ประกอบกับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่สูง
TISCO KTB และ BBL กำไรเติบโตโดดเด่น
เราประเมิน TISCO มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 ขยายตัวสูงสุด QoQ และ YoY ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขายและรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ FIDF ในการขายหุ้น SCIB ให้แก่ธนาคารธนชาต ในขณะที่ BBL กำไรสุทธิไตรมาส 2/53 ขยายตัวสูง 24.5% yoy อันเป็นผลจากกำไรจากการขายหุ้น ACL ประมาณ 2 พันล้านบาท และ KTB กำไรสุทธิไตรมาส 2/53 ขยายตัวสูง 24.8% yoy จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียม
คาดหวังการเติบโตที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
เราประเมินรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นใน 2H10 จากสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อภาคธุรกิจและสินเชื่อ SMEs อันเป็นผลมาจากวัฏจักรของสินเชื่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และโครงการภาครัฐ และ NIM ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตต่อเนื่องในอัตราที่สูงในปีนี้ ทางด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ส่งผลให้การตั้งสำรองฯอยู่ในระดับปกติ

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปตท.ปรับลดราคาน้ำมัน 60 สต./ลิตร

ปตท.ปรับลดราคาน้ำมัน 60 สต./ลิตร ยกเว้นดีเซลลด 30 สต./ลิตร มีผลพรุ่งนี้

วันพฤหัสบดีที่ 08 กรกฎาคม 2553 เวลา 10:13:11 น. 

บมจ.ปตท.(PTT) ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกประเภท 60 สตางค์/ลิตร ยกเว้นดีเซลที่ลดลงเพียง 30 สตางค์/ลิตร มีผลวันพรุ่งนี้ ตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันของปตท.ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ ราคาน้ำมันเบนซิน ออกเทน 91 อยู่ที่ 35.04 บาท/ลิตร,แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่31.24 บาท/ ลิตร ,แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 29.74 บาท/ลิตร, E20 อยู่ที่ 28.94บาท/ลิตร และ E85 อยู่ที่ 18.82 บาท/ลิตร
ส่วนน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 27.99 บาท/ลิตร และไบโอดีเซล B5 อยู่ที่ 26.79บาท/ลิตร

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โบรกชี้ MINT ราคาถูก เป้าต่อไปที่ 11.30 บาท

โบรกชี้ MINT ราคาถูก เป้าต่อไปที่ 11.30 บาท

วันพุธที่ 07 กรกฎาคม 2553 เวลา 10:04:59 น. 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้น MINT ล่าสุด ณ เวลา 10.08 น. อยู่ที่ 11.10 บาท บวก 0.40 บาท โดยวานนี้มีการซื้อหุ้น MINT ผ่าน NVDR กว่า 3 ล้านหุ้น ทั้งนี้ โบรกเกอร์มองว่าสัญญาณทางเทคนิคฟื้นตัว และหุ้นราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน
บล.เอเซียพลัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
MINT: Break 10.70 บาทขึ้นมาได้เป้าต่อไปที่ 11.30 บาท 
MINT กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ Break 10.60 บาทและมาปิดที่ 10.70 บาท ทางเทคนิคถือได้ว่าราคากำลังจะมาอีกครั้ง เพราะการปรับเพิ่มขึ้นในครั้งนี้เป็นการทำ Continue Pattern แถมยังเป็นการเพิ่มด้วยการตัดเส้นค่าเฉลี่ยขึ้นมาทุกเส้น ทำให้มีโอกาสที่ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีกระลอก คาดว่าหากปรับผ่าน 10.70 บาท ก็อาจไปต่อได้ถึง 11.30 บาท ซื้อ และตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 10.00 บาท แนวรับ   10.50   บาท แนวต้าน 11.30   บาท
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ MINT เนื่องจากราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดรวม P/E ในอดีต และ Replacement Value
-ราคาหุ้นซื้อขายบน P/E ที่ต่ำกว่าอดีต และ Replacement Value
-ธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วนสูงสุดที่ 73% จากมูลค่ารวมของ Replacement Cost
-ปรับกำไรสุทธิปี 2553 ลดลง 5.5% แต่เทียบ YoY ยังเติบโต 12%
-คาดธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวใน 4Q53
-ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษี จากลูกค้าโรงแรมของ MINT เป็นคนไทยในสัดส่วน 10%
และมีการเติบโตสูง
-ปรับลดราคาพื้นฐานปี 2553 เป็น 13.80 บาท (DCF) แนะนำ “ซื้อ”